วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

Mozilla Firefox 15 Final และ Firefox for Android 15 ออกแล้ว!!

Mozilla Firefox 15 Final เวอร์ชั่นเต็มออกแล้ว โดยในเวอร์ชั่นนี้มีการปรับปรุงและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อีกมากมาย
หลักๆ ได้แก่ ปรับปรุงการใช้งานหน่วยความจำ โดยจะตรวจสอบ Add-On ที่มีปัญหาเรื่องการใช้หน่วยความจำ
หากตรวจพบก็จะดำเนินการแก้ไข, เพิ่ม Silent Update การอัพเดทตัวโปรแกรมอยู่เบื้องหลัง โดยจะไม่แจ้งเตือน
ให้น่ารำคาญ, ปรับปรุง Developer Tools เพิ่ม JavaScript Debugger, รองรับไฟล์เสียง Opus Audio และ
ปรับปรุงเรื่อง WebGL เป็นต้น นอกจาก Firefox 15 Final พร้อมกันนี้ Firefox for Android 15 ก็ออกแล้ว
เช่นกัน ติดตามรายละเอียดอื่นๆ ได้ด้านในครับ
คลิปวิดีโอทดสอบ WebGL บน Mozilla Firefox 15 Final



SkyDrive แอพฯ บริการเก็บและซิงค์ข้อมูลออนไลน์ออกเวอร์ชั่น Android แล้ว


SkyDrive บริการเก็บข้อมูลและซิงค์ข้อมูลออนไลน์จากไมโครซอฟท์ ล่าสุดได้ออกแอพฯ SkyDrive สำหรับ
ผู้ใช้งานแอนดรอยด์แล้ว เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน ทำให้สามารถจัดการและเข้าถึงข้อมูลได้สะดวก
ยิ่งขึ้น สำหร้บฟีเจอร์การทำงานบนเวอร์ชั่นแอนดรอยด์ ใช้งานเหมือนกับบนเวอร์ชั่น iOS และ Windows Phone
เช่น การอัพโหลดรูปภาพหลายภาพพร้อมๆ กัน, แชร์ไฟล์, สร้างหรือลบโฟลเดอร์ได้ตามต้องการ ซึ่งลักษณะการ
ใช้งานทั่วไปก็คล้ายๆ กับ Dropbox นั่นเอง สำหรับใครที่ใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตแอนดรอยด์ดาวน์โหลดได้แล้ว


คลิปวิดีโอแนะนำ SkyDrive




มาปั่นจักรยานมัน ๆ กับ BMX Boy บน Android


ใครที่ชอบเกมส์แนว Sport ที่ผมสแนว Action นิดหน่อย OnlineGazine แมกกาซีนออนไลน์ ก็มีมาแนะนำกันอีกหนึ่งเกมส์ครับ ซึ่งเป็นเกมส์แนว ๆ เกี่ยวกับการปั่นจักรยานสุดมันของหนุ่มน้อยคนหนึ่งครับ ที่มีการเล่นท่าทางไปพร้อม ๆ กับการทำภาระกิจในแต่ละด่านที่มีความเร้าใจมากมายครับ นั้นก็คือเกมส์ BMX Boy ครับ เกมส์นี้ถือได้ว่าเป็นอีกเกมส์ที่น่าเล่นพอสมควรครับ มีภาระกิจให้ทำมากพอดูครับ
สำหรับท่านใดที่ชื่นชอบการปั่นจักรยาน พร้อมทั้งเล่นท่าทางต่าง ๆ แล้ว ก็ลองดูนะครับว่าในเกมส์ท่านจะทำได้ดีกว่าหรือไม่ครับ ยังไงก็ Download ไปเล่นกันดูครับ รับรองสนุกครับป๋ม

โปรแกรม backup android application | โหลด app backup android

คุณอาจจำเป็นต้องใช้ โปรแกรม backup android ในหลายๆ กรณีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การ backup application ที่ติดตั้งไว้ บน android เพื่อเก็บข้อมูลของ application android เอาไว้ และใช้กู้คืน กรณีฉุกเฉิน (เครื่อง hang, อัพเดท Rom, อัพเดท firmware android, อัพเกรดเวอร์ชั่น android) หรืออาจใช้ โปรแกรม backup android เพื่อ backup ข้อมูล contact, calendar, ปฏิทิน, ตารางกิจกรรม เป็นต้น มี โปรแกรม backup บน android ให้เลือก โหลด มาใช้ อยู่มากมายบน Google Play แต่บทความนี้ ผมจะมาแนะนำ วิธีการ backup application ที่ติดตั้ง อยู่บนอุปกรณ์ android ของคุณ แบบง่าย โดยใช้ Android app เจ๋งๆ มาใหม่ ใช้งานง่าย ที่ชื่อว่า "App2Zip" ครับ
โปรแกรม Backup android "APP2ZIP"



App2Zip เป็น ฟรี app android สำหรับ ใช้ในการ backup application ที่คุณได้ติดตั้งไว้บน โทรศัพท์ android หรือ อุปกรณ์ tablet android ของคุณ พัฒนาโดย SCDevs ช่วยให้คุณ สามารถทำการ backup application android ให้อยู่ในรูปแบบของ ไฟล์ Zip 

การใช้งาน App2Zip แบบง่ายๆ ให้เข้าไปใน application หลังจากนั้น เลือก แอพพลิเคชั่น android ที่ต้องการ backup ข้อมูลเก็บไว้ กด GO ได้เลยครับ จากนั้นโปรแกรมจะสร้าง ไฟล์ update.zip ขึ้นมา  

เนื่องจาก app android ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา จึง สนับสนุนการใช้งาน ได้กับ Android บางรุ่นเท่านั้น และจะต้องเป็น root android เท่านั้นครับ



Amazon เปิดตัวแท็บเล็ต Kindle Fire HD และ Kindle Fire รุ่นใหม่ ราคาเริ่มต้นเพียง 4,800 บาท

ช่วงเดียวกันของปลายปีที่แล้ว Amazon ได้เปิดตัว Kindle Fire (รายละเอียด) หรือแท็บเล็ตแอนดรอยด์ที่ทำให้วงการแท็บเล็ตทั่วโลกต้องร้อนระอุ เพราะเป็นแท็บเล็ตจากแบรนด์คุณภาพตัวแรกที่มีราคาถูกและสเปคน่าสนใจอย่างยิ่ง และล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาทาง Amazon ก็ได้ทำการเปิดตัว Kindle Fire HD และปรับปรุงสเป็คของ Kindle Fire ใหม่ให้แรงขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับราคาลงให้เหลือเพียง 159 ดอลลาร์หรือประมาณ 4,800 บาทเท่านั้น (ก่อนหน้านี้ 199 ดอลลาร์ หรือ 6 พันบาท)
Kindle Fire HD
  • ใช้ซีพียู TI OMAP4470 ความถี่ 1.5GHz แบบดูอัลคอร์ (รุ่น 7″ ใช้ TI OMAP 4460 ความถี่ 1.2GHz ดูอัลคอร์)
  • หน้าจอ LCD IPS ขนาด 8.9″ ความละเอียด 1920×1200 พิกเซล 254 PPI (รุ่น 7″ ความละเอียด 1280×800 พิกเซล 215 PPI) รองรับมัลติทัชสิบจุด
  • มีสองความจุ 16GB และ 32GB
  • กล้องหน้าความละเอียดระดับ HD
  • ลำโพงสเตอริโอไดรเวอร์คู่ พร้อมเอนจิน Dolby Digital Plus
  • รับ Wi-Fi ได้ทั้งย่าน 2.4GHz และ 5GHz มีเสาภายในสองเสา สำหรับเทคโนโลยี MIMO (เป็นแท็บเล็ตตัวแรกที่มีใช้)
  • มีบลูทูธ และ HDMI-out
  • หนา 8.8 มม. หนัก 557 กรัม (รุ่น 7″ หนา 10 มม. หนัก 394 กรัม)

New Kindle Fire
  • ซีพียู TI OMAP4430 ความถี่ 1.2GHz แบบดูอัลคอร์
  • หน้าจอสัมผัสขนาด 7″ ความละเอียด 1024×600 พิกเซล
  • เพิ่มแรมเป็น 1GB พื้นที่ภายใน 8GB
  • หนา 11.5 มม. หนัก 400 กรัม
และก็แน่นอนครับแท็บเล็ตในตระกูล Kindle Fire ยังคงไม่มีแผนเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย โดยจะวางขายวันที่ 20 พฤศจิกายน ในสหรัฐฯ และบางประเทศในยุโรปครับ



ความเข้าใจพื้นฐานของ Build.prop และ Fingerprint เพื่อประยุกต์ใช้กับ Android Tablet จีน หรือ iPad จีน


สำหรับบางท่านที่ไม่รู้ว่า build.prop คืออะไร  ผมขอให้เป็นเกร็ดความรู้เล็กน้อยดังนี้

build.prop เป็นไฟล์ที่อยู่ใน system ของ Android ทุกเครื่องไม่ว่าจะเป็น Android Phone หรือ Android Tablet เพื่อบ่งบอกว่าเครื่องนี้ใช้ Processors แบบไหน สามารถรองรับ App อะไร, บอกเวอร์ชั่นของไดร์เวอร์การ์ดจอ (graphics driver), บอกเครื่องว่าควรแบ่ง Memory แค่ไหนในการจัดการ Application, ความถี่ในการสแกนหา Wifi Access Point และยังมีอื่นๆให้ปรับแต่งอีกมาก ซึ่งการปรับแต่งเหล่านี้มีทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพให้เครื่อง หรือรวมถึงการปรับแต่งเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ได้ก็มาจากส่วนนี้ อาจพูดได้ว่าบางครั้ง Custom ROM ก็เกิดจากการปรับแต่งเล็กๆน้อยๆนี่เอง

การแก้ไข build.prop จำเป็นที่ต้องมีเครื่องที่ผ่านการ Root มาก่อน สำหรับคนที่ไม่ทราบว่า Root คืออะไร ลองอ่านเพื่อศึกษานะครับ

Fingerprint

ทีเด็ดคือ Fingerprint หรือ ลายนิ้วมือถ้าแปลตรงตัว ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญมากในการที่ Market/Play Store จะตรวจสอบจากเครื่อง ทำให้สังเกตได้ว่า  iPad จีน บางครั้งไม่สามารถดาวน์โหลดแอพแบบเครื่องแบรนด์ดังๆได้ ซึ่ง Fingerprint ก็คือสาเหตุนี่เอง บางส่วนมีการลงทะเบียนไว้เรียบร้อยแล้วกับ Google เช่น Samsung, LG

ผลสรุปของการ Tweak หรือแก้ไข Build.prop บางครั้งก็คือการเปลี่ยน "ลายนิ้วมือ" ให้เป็นแบบเดียวกับสินค้าแบรนด์ซะเลย ทำให้เราสามารถโหลดแบบเครื่องแบรนด์ได้เลยนั่นเอง ฉะนั้นข้อสรุปที่ดีคือ แม้การเลือกใช้ fingerprint สินค้าแบรนด์จะเป็นวิธีที่ฉลาด แต่ก็ควรเลือกใช้ตัวที่สเปคใกล้เคียงกับ Tablet ของเราที่สุดก็จะดีที่สุด

แต่ข้ออันตรายอย่างหนึ่งที่ควรทราบคือการแก้ไข build.prop อาจฟังดูง่ายแต่ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจอย่างมาก เพราะหากทำไม่เป็น หรือไม่รู้จริงก็อาจจะงานเข้า ทำให้เครื่อง Brick เปิดไม่ติด หรือ Boot ค้างที่ Android ได้เช่นกันครับ

วิดีโอตัวอย่างการแก้ไข Build.prop อย่างง่าย (เครื่องต้อง Root ก่อนนะครับ)

หน้าจอทัชสกรีนแบบ Resistive กับ Capacitive ต่างกันยังไง


หน้าจอทัชสกรีนแบบ Resistive กับ Capacitive ต่างกันยังไง

   ระบบหน้าจอสัมผัสบนเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นมีมาช้านานแล้วตั้งแต่ปี 1960 ซึ่งระบบหน้าจอสัมผัสจริงๆแล้วนั้นแพร่หลายอยู่บนเครื่องอุปกรณ์พกพาในรูปแบบต่างๆที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดี เช่นพวกเครื่องเก็บเงินตามโต๊ะแคชเชียร์ หรืออุปกรณ์เช็คสต๊อคสินค้าต่างๆ เพราะด้วยความสะดวกที่มีมากกว่าจะต้องใช้ Keyboard หรือ Mouse ในการสั่งการ เพราะหน้าจอระบบสัมผัสส่วนมากจะสามารถใช้นิ้วแตะเพื่อป้อนคำสั่งได้อยู่แล้ว จนในที่สุดระบบหน้าจอสัมผัสมันเลยกลายเป็นเอกลักษณ์อันโดเด่นสำหรับอุปกรณ์พกพาในรูปแบบ PDA ตั้งแต่สมัยเริ่มแรกที่ PDA เกิดขึ้นบนโลก ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง Newton ของ Apple หรือแม้แต่ Palm สุดยอด PDA ยอดนิยมเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
   ระบบหน้าจอสัมผัสมันเริ่มเกิดความสับสนและวุ่นวายมากขึ้นเมื่อสองสามปีที่ผ่านมานี้เองครับ ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจเกี่ยวกับระบบหน้าจอสัมผัสของเครื่อง PDA Phone กันสักเท่าไร เพราะรู้กันว่า PDA Phone ในโลกแทบทุกเครื่องเป็นระบบหน้าจอสัมผัสกันหมด และก็จะมีแท่งปากกา ที่เรียกว่า Stylus เอาไว้จิ้มใช้สั่งงาน แต่ไอ้เรื่องวุ่นๆเกี่ยวกับหน้าจอมันเกิดขึ้นมาจาก iPhone ตัวเดียวจริงๆที่ปลุกกระแสหน้าจอแบบ Capacitive ให้เกิดขึ้นมา เพราะแรกๆเมื่อสัมผัส iPhone จะรู้สึกทันทีว่ามันแตะได้หนึบติดนิ้วดีมาก แต่พอเอา Stylus ของเครื่อง PDA phone ทั่วไปมาจิ้มกลับไม่สามารถสั่งงานได้ เลยเป็นคำถามคาใจว่าหน้าจอระบบทัชสกรีนซึ่งปกติเอา Stylus จิ้มได้นั้น ปัจจุบันมันมีกี่แบบกันแน่
   ในความเป็นจริงแล้วหน้าจอทัชสกรีนนั้นมันมีหลากหลายรูปแบบมากครับ แต่ที่นิยมใช้ในเครื่อง PDA Phone ยุคนี้ก็จะมีอยู่สองแบบคือ แบบ Resistive กับ Capacitive และด้วยเรื่องรูปแบบของระบบสัมผัสหน้าจอนี้แหละมันเลยกลายเป็นจุดขายอย่างหนึ่งของเครื่องยุคปี 2009 เพราะเนื่องจากระบบ Touch interface มันเกิดได้รับความนิยมสูงสุดแบบไม่เคยมีมาก่อนมันเลยงานเข้าเลยหละทีนี้ ทำให้คนให้ความสำคัญการทำงานด้วยนิ้วเป็นหลัก แต่เครื่อง PDA Phone ในตลาดส่วนมากจะเป็นหน้าจอแบบ Resistive เลยทำให้การสัมผัสสั่งงานด้วยนิ้วมันทำงานได้ไม่ค่อยดีเท่าไร คือพูดกันตรงๆเลยละกันว่า มันตอบสนองสู้ iPhone ไม่ได้ ก็เพราะว่าหน้าจอ iPhone มันเป็นหน้าจอระบบสัมผัสแบบ Capacitive นั่นเอง ซึ่งตอบสนองการสั่งงานด้วยนิ้วได้ดีกว่า แต่ข้อเสียก็คือไม่สามารถใช้ Stylus หรือวัสดุอื่นๆจิ้มได้
   เครื่องนับแต่ปี 2009 นี้เป็นต้นไป คาดกันว่าเครื่องรุ่นไหนไฮโซหน่อยก็จะใช้หน้าจอแบบ Capacitive ส่วนเครื่องรุ่นธรรมดาก็อาจจะใช้ Resistive สำหรับในตลาดเวลานี้เครื่อง PDA Phone ที่เป็นหน้าจอแบบ Capacitive เท่าที่เห็นๆกันก็จะมี iPhone , HTC Magic , HTC Hero และ Palm Pre อ้อ! และที่กำลังตามมาติดๆก็คือ Nokia X6 ส่วนความแตกต่างของเรื่องหน้าจอเป็นตัวบ่งชี้ราคาและกลุ่มตลาดเพื่อแบ่งตำแหน่งสินค้า ซึ่งที่เห็นกันชัดๆล่าสุด อย่างเครื่อง PDA phone ในแบบ แอนดรอยด์ตัวล่าสุดของ HTC ที่ชื่อว่า Tattoo นั้น มันเป็นเครื่องราคาประหยัดเค้าเลยแหวกแนวไปใช้หน้าจอแบบ Resistive Touch Screen แทน ซึ่งโดยปกติแล้วน่าจะเป็นหน้าจอแบบ Capacitive แบบแอนดรอยด์ตัวอื่นๆ เอาหละครับ เรามาดูความแตกต่างกันดีกว่าระหว่างหน้าจอ Resistive กับ Capacitive

   1.หน้าจอแบบ Resistive
   เทคโนโลยี Resistive ถือว่าเป็นแบบที่ประหยัดและเหมาำะกับการใช้งานประเภทต่างๆได้กว้างขวาง เช่ีน ร้านอาหาร ร้านค้าที่ใช้เครื่อง POS งานควบคุมทางด้านอุตสาหกรรม รวมทั้งใช้ในอุปกรณ์พกพาอย่าง PDA, Mobile เป็นต้น
   Touch Screen แบบ Resistive จะประกอบด้วย เลเยอร์ด้านบนที่ยืดหยุ่นและเลเยอร์ด้านล่างที่อยู่บนพื้นแข็งคั่นระหว่าง 2 เลเยอร์ด้วยเม็ดฉนวนซึ่งทำหน้าที่แยกไม่ให้ด้านในของ 2เลเยอร์สัมผัสกันเำพราะด้านในของ 2 เลเยอร์นี้จะเคลือบด้วยสารตัวนำไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติโปร่งแสงในเวลาจะมีการปล่อยกระิแสที่เลเยอร์สารตัวนำ และเมื่อคุณกดที่Touch Screen จะทำให้วงจร 2 เลเยอร์ต่อถึงกัน จากนั้นวงจรควบคุมก็จะคำนวณค่ากระแสไฟฟ้า ซึ่งจะแตกต่างไปตามตำแหน่งที่สัมผัส เมื่อคำนาณค่ากระแสตามแนวตั้งและแนวนอนก็จะำได้ตำแหน่งที่สัมผัสบนหน้าจอ

 จุดแข็งของ Resistive 
- ราคาไม่แพง
- สามารถใช้อะไรสัมผัสก็ได้
- หาตำแหน่งที่สัมผัสได้ละเอียด
- กินไฟน้อย 

   2. หน้าจอแบบ Capacitive 
   เทคโนโลยี Capacitive มีคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งความทนทานความโปร่งแสงมักเป็นที่นิยมใน Application ประเุภท เกมส์ Entertrainment , ATM, Kiosk อุปกรณ์ทางอุตสาหกรรม และ POS 
   โึครงสร้างของ TouchScreen แบบ Capacitive นั้นประกอบด้วยแผ่นแก้วเึคลือบผิวด้วยอ็็อกไซด์ของโลหะแบบโปร่งแสง เมื่อถึงเวลาการใช้งานก็จะมีการป้อนแรงดันไฟฟ้าที่มุมทั้วสี่ของ Touch Screen เพื่อสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มสม่ำเสมอตลอดทั่วทั้งแผ่น ผู้ใช้จะต้องใช้นิ้วมือเปล่าๆสัมผัสที่จอเพื่อดึงกระแสจากแต่ละมุมที่ให้แรงดันตกลง จากนั้นแผงวงจรควบคุมก็จะคำนวณเป็นตำ้เหน่งที่สัมผัสได้ 



จุดแข็งของ Capacitive 
- มีความคมชัด
- แสงจากหน้าจอสามารถผ่านออกมาได้ ภาพจึงชัด
- หาตำแหน่งที่สัมผัสได้ละเอียด สามารถสัมผัสด้วยนิ้ว

ที่มา: http://hitech.sanook.com/technology/news_13265.php

แนะนำ APP เล่นหุ้นด้วย ไอแพดจีน หรือ tabletจีน


แนะนำ APP เล่นหุ้นด้วย ไอแพดจีน  หรือ  tabletจีน

วิธีติดตามราคาหุ้นด้วย ไอแพดจีน  ส่วนผมใช้ Paladin ขอเอาตัวนี้อ้างอิงครับ
(เป็นเรื่องที่ผมอยากรู้  ตอนที่ยังไม่ซื้อเครื่องมาใช้  เลยเอามาแชร์ให้ทราบครับ)
 
สามารถทำได้หลายวิธี  ขอข้ามวิธีต่อเนตไปนะครับ


1 ดูแบบเดิม ๆ

1.1 ก็เข้า เวบ settrade โดยพิมพ์  www.settrade.com/pda/
- เหมือนมือถือทั่วไป   ไม่ realtime ส่งคำสั่งซื้อ ขายได้เลย  ไม่มีกราฟย้อนหลัง

1.2 ดูผ่าน flash เข้าที่หน้าเวบของ  broker ที่เราเป็นลูกค้า
- เหมือนเรานั่งเล่นที่บ้าน  แต่ช้าหน่อย  realtime  ส่งคำสั่งซื้อ ขายได้เลย ไม่มีกราฟย้อนหลัง

2 ดูผ่านแอป ของ android ใช้สองตัวบนนี้ เป็นหลัก

2.1 "i2trade"  (***load ด้วย app 1mobile game)
- ใช้ได้เฉพาะ 4 broker เท่านั้น  realtime  ส่งคำสั่งซื้อ ขายได้เลย  ไม่มีกราฟย้อนหลัง
เวลาใช้เลือกแบบ mobile ดีกว่า (แบบ tablet ปุ่มด้านบนแตะไม่ค่อยติดใน ver 2.0.
2.2 "blue thai" (***download ด้วย Real APK Leecher ทำในเครื่องคอมพิวเตอร์)
- อันนี้ดี ดูกราฟได้ด้วย หลาย  timeframe  แต่ส่งคำสั่งซื้อ ขายไม่ได้  มีกราฟย้อนหลัง

(*** เจ้า Paladin หาแอปสองตัวนี้ยากอยู่  ให้ดูตามคอมเม้น)

2.3 ส่วนแอป Bloomberg ก็สามารถดู  หุ้นไทยได้แต่  ส่วนตัวว่า  สู้แอป blue thai ไม่ได้

2.4 eFinSmartCloud ยังเคยใช้บนแอนดอย ต้องรอให้ใช้งานจริง น่าจะดีเรื่องกราฟครับ

วิธีใช้งาน และรายละเอียดแต่ละแอป  หาดูใน กูเกิ้ล  ได้เลยครับ และอย่าลืมถามทาง broker ดูว่าเค้ามี บริการแอป อื่นไหม ให้ลองแนะนำดู

แต่ที่ผมลงให้ตามนี้ฟรีครับ    สรุปใช้งานได้ เครื่องถูก แอปฟรีน่าจะพอ



ส่วน S50 future กำลังหาแอปอยู่

คำถาม ไอแพดจีน แบบรวมฮิตรับต้นปี 2012!


คำถาม ไอแพดจีน แบบรวมฮิตรับต้นปี 2012!

Q: ไอแพดจีน รุ่นเดียวกัน แต่ผมเห็นว่ามีผลิตที่ไต้หวันด้วย บางเจ้าบอกเกาหลี มีจริงไหมครับ?
A: ถ้ามันบอกเกาหลี ไต้หวัน มันก็ไม่ผิดครับ เพราะอาจมี Chip IC ตัวเล็กๆตัวนึงที่แปะบอร์ดผลิตจากที่นั่น สุดท้ายมันก็ประกอบจีนอยู่ดี แต่คิดว่าร้านที่บอกอย่างนั้น คงบอกเกาเหลาเพราะมันดูมีภาษีกว่าแค่นั้นเอง


Q: เห็นไอแพดจีนลงตามเว็บขายออนไลน์ รุ่นเหมือนที่นี่เลยราคาถูกกว่า ทำไมที่นี่ขายแพงครับ?
A: ก็ไปซื้อที่ท่านคิดว่าถูกกว่าเลยครับ ไม่ได้ห้าม แต่มีปัญหาอย่ากลับมาที่นี่นะครับ (ถามตรง ก็ตอบตรงครับ)


Q: เห็น Herotab C8s เป็น HoneyComb 3.0 แล้ว ทางเว็บมีไหมครับ?
A: จริงๆมันคือรุ่นเดิมครับ Herotab C8s = Herotab C8 แต่ว่าโรงงานตั้งค่าเป็นชื่อ Android 3.0 ทั้งๆที่ไม่ใช่รุ่นจริงของมันครับ (สังเกตง่ายๆว่า HoneyComb ไม่รองรับบนหน้าจอ 800x480) โรงงานตั้งมาเพื่อง่ายต่อการขายมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

อย่าถามว่าทำไมที่เว็บตั้ง 3.0 เหมือนกัน เพราะก็ตั้งแสดงไว้ให้เปรียบเทียบ แต่คุณสมบัติเราก็แจ้งอยู่แล้วว่า Kernel เดิม อย่าสับสนนะครับ

สรุปตั้งชื่อใหม่ให้เร้าใจกว่าเดิมและจะได้เงินเยอะกว่าเดิมนั่นเอง

มีข้อสังเกตนิดนึงครับ Herotab C8 รุ่นหลังๆจะมี CPU 1.2 GHz มาจากโรงงานเลย ไม่เหมือนรุ่นแรกๆที่มีเพียง 1 GHz เท่านั้น


Q: เมื่อไหร่จะมี ไอแพดจีน 3.0 หรือ 4.0 มาขาย?
A: เมื่อไหร่ที่มันเสถียร คุณก็จะเห็นมันเองครับ


Q: Chipset Allwinner A10 ดีไหม?
A: เข้าใจผิดกันหลายคนว่า A10 คือ Cortex A10 แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ เพราะมันยังคงเป็น Cortex A8 อยู่ดี แต่ผู้ผลิต Chip ฉลาดตั้งชื่อให้คนอ่านแล้วสับสนครับ ส่วนใหญ่ชิพตัวนี้ยังเป็น Single Core A8 แต่จะสาธยายกันเยอะว่าความเร็ว 1.5GHz (ซึ่งความจริงก็วิ่งอยู่ราวๆ 1.2 GHz ณ ปัจจุบัน) และอ้างสรรพคุณว่าดูหนัง 2160P ได้ แต่ iPad จีนก็หน้าจอ Resolution ต่ำอยู่ดี ถ้าดูก็ไม่ต่างกับหนัง 720P ธรรมดา และหนัง 2160P ก็ยังไม่เคยเห็นซักที


Q: ROM รุ่น xxx เมื่อไหร่จะออกครับ?
A: ถามเหมือนให้ใบ้หวย ผมก็ไม่ใช่ผู้ผลิตก็คงตอบไม่ได้นะครับ ขนาด Samsung ยังตอบไม่ได้เลย


Q: แล้วซื้อ Support จะคุ้มไหม?
A: ก็เหมือนซื้อล๊อตเตอรี่ ถ้าออกก็ดี ไม่ออกก็ช่วยไม่ได้ครับ ผมบอกได้แค่นี้


Q: ผมไม่ต้องซื้อ Support หรอก เพราะหา ROM ลงเองจากเวปเมืองนอกได้
A: บอกแต่แรกแล้วครับ ว่าเก่งเทพไม่ต้องซื้อ แต่ถ้าไม่ซื้อลงแล้วเดี้ยงกลับมาจะคิดให้แพงๆเลยครับ ค่าฉลาดเกินไปแล้วหาเรื่องให้คนโง่รับผิดชอบครับ


Q: เห็นมีคนเอารูปจากที่นี่ไปแปะขายตามเวป ทำไมขายราคาถูกกว่ามาก?
A: คุณยังแปลกใจ แล้วไม่คิดหรือว่าผมจะแปลกใจบ้าง? ลองโทรสอบถามเขาดูสิครับ พวกของราคาถูกผิดปกติ ก๊อปรูปคนอื่นแปะขาย หรือเอาวิดีโอรีวิวของเว็บอื่นไปปะแล้วขายเอง คุณก็คิดเอาแล้วกันครับว่า เวลาไม่กี่นาทีเขายังไม่มีให้ พอได้เงินคุณแล้วจะได้เครื่องถูกสเปคไหม แล้วจะมี Support อะไรให้คุณอีกหรือ


Q: โดนหลอกซื้อเครื่องผิดมาทำยังไงครับ?
A: กรณีนี้เจอ "โคตร" บ่อยครับ ทำใจครับ เพราะพิจารณาไม่ดี อย่างมากก็ร้องเรียนแจ้งเว็บให้คนอื่นไม่หลงผิดไปด้วย


Q: ซื้อร้านอื่นมีปัญหาทำไงครับ?
A: เหมือนถามคนขายก๋วยเตี๋ยวว่ามีปัญหาที่ร้านข้าวหมูแดงทำไงดีนั่นแหละครับ


Q: IMAPx210 มีสิทธิ์แยกห้องออกมาเป็นของตัวเองใน Groovy Forum ไหมครับ?
A: คิดว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเพราะพื้นฐานเหมือน WM8650 ยัดไว้ห้องเดียวกันดีแล้วครับ


Q: อยากสมัครเป็นผู้ดูแลห้อง Android Tablet รุ่น xxx ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง แล้วจะได้อะไรครับ?
A: 1. ซื้อเครื่องจากที่นี่ 2. มีเวลาเข้ามาตอบคำถาม แต่ไม่ต้องเก่ง เน้นว่าไม่ต้องเก่ง แต่ต้องมีใจแบ่งปันและอยากช่วยเหลือสมาชิก ขอแค่ตอบแบบคนใช้งานจริงก็พอ 3. ได้ Access เข้าห้องแบบ Support แบบไม่จำกัดเวลา เพราะถือว่ารับหน้าที่ช่วยเพื่อนสมาชิกด้วยกัน

ที่นี่ไม่ชอบคนเก่งครับ โดยเฉพาะถ้าเก่งแล้วใจไม่เปิดกว้าง ไม่ยอมรับความคิดเห็นคนอื่น คนประเภทนี้ไม่อยากได้เป็นเพื่อน แล้วก็ไม่อยากได้เป็นลูกค้าด้วย


Q: ขอเบอร์คุณ knbeloved ผู้ดูแลห้อง Q7 หน่อย อยากติดต่อส่วนตัวเวลาใช้งานไม่เป็น?
A: คงให้ไม่ได้ครับ เพราะ คุณ knbeloved เข้ามาช่วยด้วยใจจริงๆ และไม่อยากให้รบกวนเวลาส่วนตัวของเขาครับ หากคุณสนใจลองสอบถามทาง PM แบบส่วนตัวกันเองดีกว่าครับ ว่าสะดวกหรือไม่


Q: ซื้อหลายเครื่องในราคาส่ง ขอ ROM ได้ไหม
A: ซื้อราคาส่ง ผมไม่ได้ค่า Support แต่จะเจอลูกค้าหัวใส สไตล์ซื้อ 2-3 เครื่องขอ ROM ไปใช้กับตัวเองบ่อย สรุปว่า หากซื้อราคาส่ง ต้องมียอด 10 เครื่องขึ้นไป ไม่งั้นไม่ต้องขอนะครับ เหตุผลน่าจะเข้าใจกันอยู่ เพราะถ้าร้านที่คุณซื้ออยู่มี Support คุณคงไม่ต้องมาหาเราหรอกครับ


Q: ตอบกวน... หยิ่งเหลือเกินนะเอ็ง!?
A: ไม่ชอบความจริงก็ไม่ต้องอ่านครับ เลื่อนเม้าส์ไปที่มุมขวาบนแล้วกดกากบาทครับ ชอบก็ดีใจครับ ไม่ชอบก็กดปิด แต่กดปิดแล้วอย่าแอบกดมาอ่านใหม่แล้วกันครับ


สุดท้ายขอฝากไว้หน่อยครับ

ขายสินค้าอะไรให้มันถูกน่ะ ขายง่าย เด็กยังคิดออกเลยครับ แต่ขายแล้วต้องตอบคำถามแล้วต้อง Service นี่มันยาก เพราะฉะนั้น คนขายส่วนใหญ่เลยใช้วิธีขายแบบ เมื่อไหร่มึงซื้อ เมื่อนั้นเราขาดกัน ซะส่วนมาก เลยขายถูก แล้วพอมีปัญหาปาขี้ให้ชาวบ้าน ให้ร้านอื่นไงครับ

โดยเฉพาะสินค้าจีน คุณภาพคุณน่าจะรู้อยู่แล้วครับ มีปัญหา ถ้าไร้ที่พึ่งก็จบกัน เพราะฉะนั้น หากคุณซื้อที่อื่นมาได้โคตรถูก แต่มีปัญหาต้องวิ่งมาหา คนแบบนี้คงไม่ช่วยนะครับ เพราะถือว่าตัดไฟแต่ต้นลม ผมไม่ช่วย ลูกค้าไม่มีที่พึ่ง พ่อค้าแบบนี้ก็จะหายไปเอง

อีกหนึ่งประโยคครับ

สินค้าจีน คุณภาพ แปรผันตรงกับราคา อย่าซื้อถูกแล้วหวังเริ่ด คุณมองโลกง่ายไปซะแล้ว

สวัสดีครับ

รีวิวโทรศัพท์มือถือ (Review) i-mobile 8500 Android - ไอโมบาย 8500



i-mobile 8500 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่น 1.6 จอสัมผัส Capacitive กว้าง 3.2 นิ้ว กล้องถ่ายรูป 5 ล้านพิกเซล รองรับเครือข่าย 3G - GSM Quadband การเชื่อมต่อ Bluetooth™ ระบบนำทาง GPS ระบบ Motion Sensor ใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi, EDGE, GPRS สนุกกับเครื่องเล่นเพลง, วิทยุ FM, เครื่องเล่นวีดีโอ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นเพิ่มเติมได้จาก Android Market สนับสนุนบริการจาก Google™ เครือข่ายสังคมออนไลน์ Facebook, Twitter และ จัดเก็บข้อมูลลงในการ์ด MicroSD สูงสุด 16 GB 

i-mobile 8500 ออกแบบมาในสไตล์จอสัมผัส ตัวเครื่องสีโทนเข้มให้ความรู้สึกหรูหรา ตัดด้วยกรอบโครเมี่ยมสีเงินรอบตัวเครื่อง เพิ่มความสวยงามโดยการวาดเส้นสายลายโค้งที่ฝาหลัง และยังช่วยในการจับถือให้กระชับยิ่งขึ้น มิติของตัวเครื่อง วัดความสูงได้ 115.63 มิลลิเมตร กว้าง 57.65 มิลลิเมตร ส่วนที่หนาที่สุด 15.16 มิลลิเมตร และ ชั่งน้ำหนักรวมแบตเตอรี่ได้ 129 กรัม
หลอดไฟแสดงสถานะดวงเล็กติดตั้งอยู่ใกล้กับลำโพงสนทนา ถัดลงมาเป็นจอแสดงผล


จอแสดงผล TFT-LCD 262,144 สี ระบบสัมผัส Capacitive ความละเอียด 320 x 480 พิกเซล วัดความกว้างได้ 8 เซนติเมตร
ใต้จอแสดงผลมีแถบปุ่มกดออกแบบเป็นขีดยาวขวางตัวเครื่อง ประกอบไปด้วยปุ่มโทรออก, ปุ่มทางลัดเพื่อค้นหา, ปุ่ม Home และ ปุ่มวางสาย ถัดลงมาเป็นปุ่ม Menu, ปุ่มควบคุมทิศทางแบบ Track-ball และปุ่มย้อนกลับ
พื้นที่ทั้งหมดของด้านหลังถูกคลุมด้วยฝาครอบแบตเตอรี่ หรือ ฝาหลัง ซึ่งใช้สีน้ำตาลเข้มตัดกับสีดำที่ทำลวดลายกราฟฟิคสลักลึกลงไป เพิ่มความกระชับให้กับพื้นผิวเวลาจับถือ และมีการเว้นที่ว่างให้เลนส์กล้องกับลำโพงเสียงอยู่ในส่วนบน

แกะฝาหลังออกโดยการเลื่อนสลักล็อคขึ้นมาด้านบน แล้วงัดฝาหลังออกจากส่วนล่างแล้วงัดไล่ตามขอบขึ้นมา

ภายใต้ฝาหลังจะพบกล้องถ่ายรูป วางคู่กับลำโพงเสียง ถัดลงมาเป็นช่องวางแบตเตอรี่ ซึ่งใช้แบตเตอรี่ Li-Polymer 1500 mAh (รหัส BL-84) ในช่องวางแบตเตอรี่จะมีช่องใส่ซิมการ์ด และ เห็นการ์ดหน่วยความจำ microSD อยู่มุมล่างซ้าย แต่ถอดเปลี่ยนการ์ดจากด้วนข้าง

ด้านล่างมีช่องต่อชุดหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และช่องต่อสาย mini-USB (สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และ อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่) ส่วนด้านบนถูกปล่อยไว้ให้โล่งไม่มีฟังก์ชั่นอะไร

อุปกรณ์ในกล่องบรรจุภัณฑ์
  • โทรศัพท์มือถือ i-mobile 8500
  • แบตเตอรี่ Li-Polymer 1,500 mAh
  • ชุดหูฟัง ขนาดหัวต่อ 3.5 มิลลิเมตร
  • อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่
  • สายเคเบิ้ล mini- USB
  • การ์ดหน่วยความจำ microSD 2 GB
  • ซองใส่โทรศัพท์
  • คู่มือการใช้งาน (ภาษาไทย/ภาษาอังกฤษ)
  • แผ่นพับแนะนำการใช้งาน USB Modem (ภาษาไทย/ภาษาอังกฤษ)


Android ยังเป็นเป้าโจมตีไม่เลิก



สำหรับ ระบบปฏิบัติการอย่าง Android  ยังคงเป็นสนามเด็กเล่นที่ได้รับความนิยมจากกิจกรรมและเว็บไซต์อันตรายต่างๆ  ซึ่งเป็นผลมาจาก การแพร่กระจายของ Malware

ระบบ Android  กำลังได้รับการติดเชื้อจากโทรจัน  โดยโทรจันได้แฝงมาในรูปแบบของเว็บไซต์ดาวน์โหลด ถึงแม้จะมีการคาดเดาว่า  มัลแวร์จะพัฒนาตนเองโดยใช้วิธีโจมตีผ่านทางการดาวน์โหลดอัตโนมัติ  ซึ่งส่งผ่านไปสู่คอมพิวเตอร์ของเหยื่อ หรืออุปกรณ์ได้ง่าย ๆ  โดยการเข้าเว็บไซต์ที่มีไวรัสแอบแฝงอยู่ และทำให้คำนิยามเดิม ๆ  ต่อภัยคุกคามไม่อาจใช้ได้อีกต่อไป  ตั้งแต่ผู้ใช้เป็นผู้ยอมรับรับการติดตั้งการอัพเดทความปลอดภัยปลอมด้วยตัว เอง กล่าวโดย Liam O Murchu,

“นี่คงเป็นมากกว่าการโจมตีทางกายภาพ”  “เขากล่าว” นับจากนี้ไปผู้ใช้ยังคงจำเป็นต้องเห็นข้อความ  และตัดสินใจได้ว่าเขาต้องการจะติดตั้งอะไรก็แล้วแต่หรือไม่”

เมื่อ ติดไวรัส อุปกรณ์อาจถูกใช้งานเป็นพร็อกซี่  โดยผู้โจมตีสามารถควบคุมการจราจรผ่านอุปกรณ์ผู้ใช้ได้  ซึ่งโทรจันจะคอยดักข้อมูลที่ผู้ใช้พิมพ์ลงไปในโทรศัพท์  เพื่อเก็บข้อมูลทางการเงิน และเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอีกด้วย  อย่างไรก็ตามจากการวิจัยยังไม่ทราบผลที่ชัดเจน

เขายังกล่าวอีกว่า “บางทีพวกเขามีโครงการทีคิดไว้ว่าจะนำโทรศัพท์พวกนี้มาใช้ในภายหลัง

“ที่ น่ากลัวคือ ภัยคุกคามตัวใหม่ที่เกิดขึ้นสำหรับผู้ใช้ Android  นั้นใช้กลยุทธ์ในการเขียนโค้ดแบบไม่ใช่มัลแวร์ “ Dan Guido, CEO of New  York-based security firm Trail of Bits ได้ให้สัมภาษณ์กับ SCMagazine.com.

“  ในกรณีนี้  พวกเขาเพียงแค่นำเว็บไซต์ของคนอื่นที่ปิดตัวลงไปแล้วนำกลับมาใช้ใหม่  ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่า พวกเขาขี้เกียจมากขึ้นกว่าแต่ก่อน  เขากล่าว

O Murchu กล่าวว่า “  ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลของจำนวนเกี่ยวกับภัยคุกคามนี้  แต่ดูเหมือนว่าน่าจะมีกว่า 1,000  เว็บไซต์ที่เข้าข่ายเป็นเว็บไซต์ที่แพร่เชื้อโทรจัน “

จนถึงตอนนี้ ระบบปฏิบัติการ Android  ยังคงเป็นเป้าหมายหลักเพื่อโจมตีจากอาชญากรรมเหล่านี้  เขายังเพิ่มเติมด้วยว่า “ ที่แย่ไปกว่านั้น คือ Market อื่นที่ไม่ใช่  Market ทางการของ Android ซึ่งก็คือ Google Play นั้น  อนุญาตให้ผู้ใช้ติดตั้งโปรแกรมอันตรายนี้ได้

“ นั่นคือวิธีที่คนส่วนใหญ่ถูกไวรัสเล่นงานผ่านทาง Android เมื่อปีที่แล้ว

จากรายงานความปลอดภัยของ Juniper’s 2011 พบว่า Android มีมัลแวร์เพิ่มขึ้น 3,325% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2010

สอน : วิธีโหลดโปรแกรมผ่าน Android Market และ ติดตั้ง Keyboard ภาษาไทย


แนะนำวิธีการ download โปรแกรมด้วย Android Market ครับ และสำหรับคนที่ Keyboard ภาษาไทยหายไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร สามารถแก้ไขได้ตาม วิธีการติดตั้ง Keyboard ภาษาไทย ได้เลยครับ

ส่วนนี้จะเป็นเนื้อหาที่ต่อกับส่วนที่แล้วคือ วิธีการสมัคร Market และ gmail ซึ่งในตัวอย่างเราจะทดลองทำการ download คีย์บอร์ดภาษาไทย และทำการติดตั้งให้ดูครับ มาดูกัน

สอน : วิธีต่อ android Tablet กับ internet wifi


สอน แนะนำการต่อ internet ผ่าน wifi อย่างละเอียด บนแท็บเล็ตพีซี และ smartphone รุ่นต่างๆ ก็สามารถนำไปใช้ได้เหมือนกันครับ สำหรับคนที่เป็นมือใหม่ android ซึ่งเพิ่งเริ่มหัดใช้แล้วไม่รู้จะต่อยังไงครับ

แนะนำวิธีการเชื่อมต่อ Wifi กับ ตัวเครื่อง smartphone หรือ Android Tablet ทั่วไปครับ หน้าตา interface บางรุ่นอาจจะต่างกันบ้าง แต่ว่าก็ใช้แทนกันได้ครับ ส่วนรุ่นที่ใช้ทดสอบเราจะใช้ แท็บเล็ตพีซี รุ่น Herotab C8 ครับ มาดูกันเลยครับ




วิธีการ uninstall แอพพลิเคชั่นแอนดรอยด์


ผู้ที่ใช้แอนดรอยด์หลายท่านคงเคยเจอปัญหาพื้นที่ไม่พอในบางครั้งที่ลงโปรแกรมหรือเกมต่างๆ ทางแก้เบื้องต้นคือต้อง remove หรือทำการ uninstall โปรแกรมบางตัวที่เราไม่ใช้ออกไปบ้าง วันนี้จะมาแนะนำวิธีการ uninstall โปรแกรมที่เราไม่ต้องการออกไปจากเครื่องครับ จากตัวอย่างผมใช้เครื่อง Samsung Galaxy S ในการทดสอบ ซึ่งมือถือแอนดรอยด์รุ่นอื่นๆ ก็จะมีพื้นฐานการใช้งานคล้ายๆ กันครับ
1. อันดับแรกเข้าไปที่ Menu ของเครื่องแล้วเลือก Setting จะเจอหน้าจอประมาณนี้ก็เลือกไปที่ Applications

2. หลังจากเลือกไปที่ Applications และจะเจอหน้าจอตามรูปก็เลือก Manage applications

3. หลังจากเลือกไปที่ Manage applications ก็จะเจอรายการแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่เราลงไว้ในเครื่องซึ่งในที่นี้ผมจะลบ Kaspersky ออกก็เลือกเลยครับ
4. หลังจากเลือกที่แอพพลิเคชั่นที่เราต้องการจะลบแล้ว จะเจอหน้าจอนี้ก็เลือกที่ Uninstall เลย
5. ระบบจะถามอีกครั้งเพื่อความชัวร์ ถ้าแน่ใจว่าจะลบแล้วก็กด OK ได้เลย
6. เรียบร้อยครับระบบทำการลบแอพพลิเคชั่นที่เราไม่ต้องการออกไปแล้ว
นี่ก็เป็นวิธีลบแอพพลิเคชั่นออกจากเครื่องแบบดั้งเดิมนะครับ ซึ่งเดี๋ยวนี้จะมีแอพพลิเคชั่นที่ช่วยให้เรา uninstall โปรแกรมที่เราไม่ต้องการได้อย่างง่ายๆ ด้วย ซึ่งจะมาแนะนำในห้องดาวน์โหลดในโอกาสต่อไปครับ

Credit:http://forum.droids.in.th

ไอแพดจีน Tablet จีน ยี่ห้อ MID ดีไหม



คงเป็นคำถามที่คนหลายคนเคยได้ยินได้ฟัง จากผู้ที่เคยใช้ หรืออยากใช้ iPad จีน รวมถึงทางเราเองก็ได้ยินคำถามนี้อยู่บ่อยครั้งครับ แต่ MID หรือ บางคนที่เรียกกันว่า "มิด" มันไม่ใช่ "ยี่ห้อ" แต่เป็นคำเรียกของอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคส์ตัวนี้ครับ

MID นั้นย่อมาจากคำว่า Mobile Internet Device ซึ่งก็คือ เครื่องอิเล็คโทรนิคส์แบบพกพาที่สามารถเล่นไฟล์มัลติมีเดียว (ภาพ, เพลง, วิดีโอ) และยังสามารถต่ออินเตอร์เนทแบบไร้สาย (หรือที่เรียกกันว่า Wifi) ได้อีกด้วย

ซึ่งเจ้าเครื่องตัวนี้ถูกออกแบบมาใช้เพื่อความบันเทิงสำหรับส่วนบุคคลมากกว่าที่จะนำไปใช้ในองค์กร ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถใช้สื่อสารได้แบบ 2 ทาง แบบ Real Time ได้ด้วย (อาทิ MSN, Facebook Chat, Skype) ซึ่ง MID นี้จะขนาดใหญ่กว่าพวก Smart Phone ครับ


ทีนี้สำหรับคำถามว่า MID ดีไหม เราก็คงตอบได้ยากครับ เพราะ MID เป็นชื่อเรียกอุปกรณ์ ไม่ใช่ชื่อยี่ห้อ ฉะนั้น คำถามนี้เหมือนกับถามว่า มือถือดีไหมแต่ไม่ระบุยี่ห้อและรุ่นนั่นเองครับ ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ก็ยังเข้าใจกันผิดอยู่ในเรื่องนี้

บางคนอาจเคยได้ยินคำว่า Tablet PC มาบ้าง ซึ่งมันก็คือกระดานชนวนอิเล็คโทรนิคส์ ที่ขนาดบาง และมีฟังก์ชั่นต่างๆคล้ายกับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาแต่ไม่มีคีย์บอร์ด ซึ่งปกติหน้าจอจะเป็นระบบทัชสกรีน และมีระบบ G-Sensor อีกด้วย คำนี้ถูกเรียกแทนพวก แท๊บเล็ต หรือ ไอแพดในปัจจุบัน

หวังว่าคงหายสงสัยกันแล้วนะครับว่า ไอแพดจีน ยี่ห้อ MID ดีไหม และ "มิด" ที่เรียกกันมันคือ "ยี่ห้อ" จริงหรือเปล่า หากรู้แล้วก็อย่าพูดให้คนอื่นเขาได้ยินนะครับ เดี๋ยวจะเชยนะจ้ะ



แชร์ข้อมูลทาง Network บน Android ด้วย ES File Explorer

หลายท่านคงคุ้นเคยกับการแชร์ข้อมูลระหว่าง Computer ในระบบ Network กันดีอยู่แล้ว
ขั้นตอนต่างๆ ที่ต้อง setup ที่ Computer คงละไว้ฐานที่เข้าใจ 

โปรแกรม ES File Explorer ซึ่งเป็นโปรแกรม พื้นฐานสำหรับจัดการไฟล์เช่น copy paste

rename delete etc. วิธีการใช้งานก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว วันนี้เรามาดูการแชร์ข้อมูลระหว่าง 
Computer กับ Rena3 โดยใช้โปรแกรม ES File Explorer ว่าง่ายดายเพียงใด

1.กดที่ local

2.เลือก LAN
3.กด Scan รอสักครู่เพื่อค้นหา Computerในระบบ Network

4.เลือก Computer ที่ต้องการ (ถ้ามี Computer ในระบบมากกว่า 1 เครื่อง)
5.พบโฟลเดอร์ที่แชร์ไว้ สามารถโอนไฟล์ระหว่างกันได้เลย




รู้จักกับ Partition ต่างๆบน Android และความเข้าใจการทำงานของ ROM เบื้องต้น


ได้รับทราบปัญหาและข้อสงสัยเดิมๆของกลุ่มสมาชิกที่ใช้ Android Tablet ที่ยังไม่เข้าใจเรื่อง Partition ต่างๆบน Android ว่าเอาไว้ทำอะไร แต่ละโฟลเดอร์มีความสำคัญอย่างไร มาดูกันครับ ก่อนจะไปเผลอลบแบบคนไม่รู้ซึ่งอาจส่งผลทำให้เครื่อง Android Tablet ของเรานั้นเกิดปัญหาโดยไม่รู้ตัว

มารู้จัก System Partition ต่างๆบน Android
หลายๆคนยังไม่เข้าใจเรื่อง Partitions และ kernels ต่างๆบน Android เนื่องจากไม่ค่อยมีผู้คนพูดถึงกันบ่อยนัก แม้ว่าส่วนใหญ่พวกเราจะรู้ว่ามันมีแต่ก็ไม่รู้ว่าพวกมันทำงานอะไร และอย่างไร ซึ่งทางเราก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านทั้งหลายครับ


สำหรับอุปกรณ์ Android แล้ว หน่วยความจำภายใน (internal memory หรือบางครั้งเราเรียกกันว่า flash memory หรืออีกชื่อว่า NAND) นั้นจะคล้ายกับ Harddisk ในคอมพิวเตอร์ที่สามารถแบ่งสรรปันส่วนแยกเป็นหลาย Partition ได้ ซึ่ง bootloader จะมี Partition ส่วนตัวของมัน และ Recovery ก็มีส่วนตัว ในขณะที่พวก radio, system, cache, etc ก็เป็น Partition เช่นเดียวกัน


สำหรับ Partition พื้นฐานบนระบบ Android ไม่ว่าจะเป็น Android Tablet หรือ Android Phone สามารถแบ่งออกได้ดังนี้

/misc - ไม่แน่ใจว่าเอาไว้ทำอะไร
/boot - สำหรับเก็บไฟล์จำพวก bootloader, kernel
/recovery - สำหรับเก็บไฟล์ประเภท recovery program (ไม่ว่าจะเป็น clockworkmod หรือ RA recovery)
/system - operating system ทั้งหมดอยู่ที่นี่ไม่ว่าจะเป็น Android, Sense, boot animation, Sprint crapware, busybox และอื่นๆ
/cache - cached data จากการใช้งาน OS
/data - user applications, data, settings, etc.

ส่วนด้านล่างนี้อาจไม่พบเก็นกันบ่อยนัก เนื่องจากจะมีเฉพาะบาง Hardware หรือพบได้ใน Android Phone เท่านั้นครับ

/radio - radio firmware, controls cellular, data, GPS, bluetooth.
/wimax - firmware สำหรับ 4G หรือ WiMax


สำหรับเรื่องของการ Root ที่ยังเข้าใจผิดบ่อยๆว่าต้อง Root เครื่องก่อนจึงลง Application ประเภทของเถื่อนได้ นั้นถือว่าเข้าใจผิดอย่างแรง เพราะโดยทั่วไป ระบบ Android จะตั้งระบบรักษาความปลอดภัย (Security) ไว้ใน bootloader เพื่อป้องกัน partitions เหล่านี้จากการเล่นซน หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือแม้แต่ตั้งใจไปแก้ไขระบบต่างๆเหล่านี้ให้เกิดความเสียหายและอาจทำให้เครื่องเปิดไม่ติด บางครั้งเราเรียกการป้องกัน Partition เพื่อไม่ให้แก้ไขเหล่านี้ว่า Lock Nand ครับ เราอาจสรุปได้ความเข้าใจผิดต่างๆจากผู้ใช้ทั่วไปได้ว่า

การ Root ไม่เกี่ยวกับการลง Application, Games เถื่อนเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เป็นเรื่องของนักพัฒนาซอฟแวร์เสียมากกว่า

เราจึงเห็นอยู่บ่อยครั้งว่าตามศูนย์บริการต่างๆ ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ทั่วไปทำการ Root เครื่อง เพราะหากมีปัญหาจะก็มักจะเกิดจากจุดนี้ที่ทำให้เครื่องเสียหายนั่นเองครับ


7 วิธีง่ายๆในการใช้แบตเตอรี่ Flytouch 2 ให้นานขึ้น


มาดูวิธีใช้แบตเตอรี่ของเจ้า Flytouch 2 ให้นานขึ้นแบบง่ายๆ ด้วยความรู้พื้นฐานที่เราสามารถทำได้เองไม่ต้องใช้เทคนิคพิเศษกันครับ
Android Tablet รุ่น Flytouch 2 นี้หากเราใช้งานตามปกติโดยเปิด Wifi ทิ้งไว้ตลอดเวลาจะใช้งานได้ประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าเท่านั้น แต่หากเราใช้งานอ่าน E-book, เล่นเกมส์ ที่ไม่ได้ดำเนินการเกี่ยวข้องใดๆกับอินเตอร์เนทจะสามารถใช้งานได้ 4 ชั่วโมงกว่าเลยทีเดียว

แต่เจ้าตัว Flytouch 2 เองก็สามารถใช้งานได้ถึง 6 ชั่วโมงได้เหมือนกันนะ!

จริงๆแล้วเรื่อง การใช้พลังงานตัวชิพเซทของ ARM CPU เองก็มีส่วนเช่นกัน แต่ยังมีส่วนประกอบอื่นๆอีก 7 ประการ ที่ควรคำนึงถึงในเรื่องของการประหยัดพลังงานด้วย หากต้องการใช้งานให้ยาวประมาณนั้น ลองมาดูปัจจัยเหล่านี้ไปพร้อมๆกันครับ

1.Wifi

ตัว Tablet PC เองไม่ใช่อุปกรณ์ที่สามารถประหยัดพลังงานในการใช้ Wifi เพราะฉะนั้นหากเป็นไปได้ถ้าเราไม่ใช้ Wifi ก็ควรปิดทิ้งเสียก่อน เมื่อไหร่ที่จะใช้จึงค่อยเปิด อันนี้เป็นวิธีที่สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้มาก

2. External Storage, External Device

ดังเช่น Micro SD Card, USB Thumb Drive, 3G Aircard สิ่งเหล่านี้ล้วนดึงพลังงานไปใช้ทั้งสิ้น ฉะนั้นหากไม่มีธุระอะไรกับอุปกรณ์มากมายก็จงใช้แต่น้อย

3. GPS

อุปกรณ์ Flytouch 2 มีหลายแบบจากโรงงานซึ่งมีทั้งแบบมาพร้อม GPS และไม่มี GPS ตัวที่มี GPS นี้หากเปิดใช้งานจะเป็นอะไรที่เขาเรียกว่า Power Hungry มาก หรือเรียกง่ายๆว่าเป็นฟังก์ชั่นสูบแบตเตอรี่นั่นเองครับ หากต้องการใช้ GPS นำทางจริงๆ แนะนำให้ซื้อ GPS ติดรถยนต์ ไปใช้จริงๆจังๆซักเครื่องจะดีกว่าครับ เพราะโปรแกรมนำทางก็ดีกว่าในเครื่อง Android เองด้วย

4. Gravity System ( G-Sensor )

ในตัวของ Flytouch 2 เองมีเรื่องแรมที่ค่อนข้างจำกัด และการใช้ G-Sensor ในการพลิกซ้าย ตะแคงขวา ให้จอหมุนไปมานั้น เป็นการกระตุ้นให้ตัวเครื่องต้องใช้แรมมากขึ้น จะสังเกตได้ว่า แม้ว่าจะพลิกจอได้แต่ก็ต้องมีดีเลย์จะไม่ทันใดเหมือน iPad และยังรวมไปถึงการเล่นเกมส์ที่ต้องใช้พวก G-Sensor ด้วย อาทิเช่นเกมส์ขับรถ ทำให้สิ้นเปลืองแบตเตอรี่เช่นกัน ถ้าไม่ได้ใช้ก็ติ๊ก OFF ฟังก์ชั่นนี้ไปเลยครับ

5. Ram Memory

อย่างที่กล่าวไปจากข้อที่แล้ว หากไม่มีการใช้ Application ต่างๆมากมาย หรือเปิดค้างไว้หลายตัว ก็ใช้พวก App ประเภท Task Killer ปิดการทำงานไปก่อน จะทำให้ประหยัดแรม และกินไฟเครื่องน้อยลงไปด้วย

6. Screen

หรือเรียกง่ายๆก็คือหน้าจอนั่นเอง ด้วยหน้าจอที่ใหญ่กว้างถึง 10.1 นิ้ว นั่นหมายถึงการเผาผลาญแบตเตอรี่ที่มากกว่าจอเล็กๆ ซึ่งเราสามารถเซฟแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้มากขึ้นหากปรับความสว่างจอให้น้อยลงครับ ความสว่าง 100%, 50%, 0% กินแบตเตอรี่ไม่เท่ากันนะเอ้อ!

7. Install Battery Optimized Software

หรือก็คือหา Application ที่เกี่ยวกับการเช็คแบตเตอรี่ของตัวเครื่องมาลองศึกษาดู ลักษณะการกินไฟมาก-น้อย ของอุปกรณ์ที่เราใช้อยู่นั่นเอง ใน Android Market มีฟรีและดีอยู่เพียบ ลองโหลดมาลงซักตัวก็ไม่เสียหายอะไร

สรุป

ถ้าอยากใช้แบตได้นานถึง 6 ชั่วโมงขนาดนั้นสรุปง่ายๆว่าต้องจำกัดการใช้งานค่อนข้างเยอะครับ อันได้แก่
ปิดการใช้งาน Wifi, G-Sensor, GPS, ปรับความสว่างหน้าจอให้ต่ำสุด, ใช้ External Storage น้อยๆนั่นเองครับ
แต่รวมๆแล้วก็คงเป็นการยากเหมือนกัน ถ้ามีโอกาสใช้ไปชาร์จไป ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าครับ


Root Android / Android Root คืออะไร?


เมื่อเราเข้าใจในตัว Android กันไปแล้วจากบทความที่แล้ว คราวนี้เรามารู้จักกับคำว่า Root หรือ Rooting กันบ้างครับ เป็นอีกเรื่อง 1 เรื่องที่ชวนให้ผู้ใช้งานระบบ Android สงสัยไม่ว่าจะเป็น Android ในมือถือ หรือ Android ใน Android Tablet ก็ตามที เคยสงสัยกันไหมครับว่า

Root คืออะไร แล้วเราจะ Root ไปเพื่ออะไร?


การ Root นี้ ถ้าเปรียบกับระบบ Windows ก็เหมือนการได้สิทธิ์ Admin ของตัวระบบ ซึ่งเราจะสามารถปรับแต่งอะไรต่อมิอะไรเพิ่มเติมได้หลายอย่าง ส่วนการ Root ในระบบ Android นั้น เกิดจาก developer ก็อยากจะทำอะไรก็ได้บนมือถือ และเนื่องจาก Android นี้เป็น Linux base การ Root ก็คือการทำเพื่อให้ได้สิทธิ์ของ Super User Permission นั่นเอง
แต่สำหรับการ Root ในระบบ Android นี้ สำหรับมือถือหรืออุปกรณ์บางรุ่น จะส่งผลทำให้หมดประกันทันที ต้องระวังไว้ด้วย

แล้วถ้ามันทำให้หมดประกันแล้วเราจะ Root เพื่ออะไร?

ในเมื่อเราไม่ใช่ Developer (ผู้พัฒนาโปรแกรม) หรือ Coder ปรับแต่งระบบก็ไม่เป็นแล้วเราจะ Root เพื่ออะไร ? 
คำตอบคือ เครื่องมือถือ หรือ Android Tablet นั้นแต่ละรุ่นจะมีความสามารถที่แตกต่างกัน แต่ปัญหาที่ชวนให้ผู้ใช้อย่างเราๆต้อง Root เครื่องคือ:

บางรุ่นที่มาจากต่างประเทศจะยังไม่รองรับภาษาไทย ซึ่งนั่นหมายถึงอ่านไทยก็ไม่ได้ คีย์บอร์ดไทยก็ไม่มีครับ
บางรุ่นที่มามันไม่มี Android Market นั่นหมายถึง เราไม่สามารถใช้งานเพื่อดาวน์โหลด Application เพิ่มเติมทั้งแบบฟรีและไม่ฟรีจากทาง Google ได้
บางรุ่นที่มามีการล๊อคบางอย่าง ทำให้ Application บางตัวที่ User โหลดมาใช้งานไม่ได้ถ้าไม่ได้ทำการ Root ก่อน เช่น Application ที่เอาไว้เซฟภาพหน้าจอ หรือ App2SD ที่นำเอาโปรแกรมไปเก็บไว้ในการ์ดแทนที่จะเก็บไว้ในเครื่อง ทั้งหมดนั้นถ้าไม่ Root ก็ไม่สามารถใช้งานได้เพราะ ผู้พัฒนา Application เหล่านั้น ต้องได้รับ Super Administrator Permission ก่อน จึงจะใช้งานได้นั่นเอง

แต่การ Root ก็ไม่ใช่ว่าดีไปทุกอย่าง และไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิด เพราะเครื่องหรืออุปกรณ์บางตัวอย่างที่กล่าวไปข้างต้น การ Root ส่งผลทำให้อุปกรณ์หมดประกัน หรือ ไม่หาก Root ผิดวิธี เครื่องเราอาจ Brick (เปิดไม่ติด = พัง) ได้ครับ

บทความหน้า เราจะมาดูข้อดีของการ Root กันบ้างครับ :)

บทความโดย Groovygang.NET / อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Android ทั้งหมดได้ ที่นี่
ไม่อนุญาตให้นำส่วนหนึ่งส่วนใดของ บทความ ไปใช้ หรือดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาต อนุญาตให้ทำลิงค์มาที่เว็บไซท์เราเพื่อศึกษาเท่านั้น



Android คืออะไร ฉบับเบสิก

ช่วงนี้เราอาจได้ยินหนาหูขึ้นเรื่อยๆกับคำว่า Android (แอน-ดรอย) ซึ่งตอนนี้ ถ้าได้ดูข่าว ทีวี โฆษณา มักจะมีคำว่า Android ค่อนข้างบ่อย มาทำความเข้าใจกันแบบง่ายๆกันเลยดีกว่าครับ การทำความเข้าใจกับคำว่า Android นี้ ถ้าให้เข้าใจง่าย ผู้เขียนอยากให้ผู้อ่านนึกท้าวความไปเปรียบกับคอมพิวเตอร์น่าจะเป็นอะไรที่ง่ายที่สุดครับ

คอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันจะใช้งานหรือลงโปรแกรมใดๆไม่ได้เลย หากเราไม่ได้ลง Window ซึ่งระบบ Window นี้ถูกพัฒนาขึ้นโดย Microsoft หากต้องการจะลง Window ก็ต้องเสียเงินซื้อลิขสิทธิ์แท้ซื้อหามาใช้ (ยกเว้นจะแอบลงเถื่อน!) ถูกไหมครับ

ระบบ Window นี้ เราชาว IT เรียกมันว่า OS (Operation System) ว่าง่ายๆคือโปรแกรมที่คุมระบบการทำงานของอุปกรณ์ IT นั่นเอง ทีนี้เนื่องด้วยความที่เป็นระบบที่ทำงานกับส่วนประกอบต่างๆของเครื่อง (Hardware) ทำให้โปรแกรมตัวอื่นๆที่ผู้ใช้งานต้องการนำมาใช้งานกับเครื่อง ตัวโปรแกรมนั้นๆก็ต้อง Support กับระบบเครื่องที่มีด้วยนั่นเองครับ เพราะฉะนั้นโปรแกรมที่เราสามารถหามาลงนั้นจะไม่สามารถลงแบบข้าม OS ได้ เพราะไม่ Support กับ Hardware ของเครื่องนั่นเอง

ณ ตอนนี้ในโลกใบใหญ่ๆของเรา ผมขอสรุปสั้นๆ ง่ายๆ ว่า OS มีอยู่ 3 ค่ายใหญ่ๆ ครับ

1. Microsoft มี OS เป็น Window หลากหลายเวอร์ชั่น เช่น XP, Vista, 7, Mobile, CE

2. Apple มี OS เรียกว่า iOS ที่ใช้กันใน iPhone, iPad

3. Google มี OS ที่เรียกว่า Android ซึ่งพัฒนาโดย Google ที่มีข้อดีคือฟรี โหลดมาใช้งานกันได้ทุกคน ผู้พัฒนาโปรแกรมสามารถนำมาใส่เครื่องมือถือ, Tablet PC โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ซึ่ง Android ก็ยังมีข้อแตกต่างกับ 2 แบบแรกคือ Microsoft ที่ขาย License ราคาแพง กับ Apple ที่มี OS แต่เพียงผู้เดียว ที่ไม่มีใครสามารถนำมาใช้ได้เลย ซึ่ง Android ทำมาตอบโจทย์เพื่อตีตลาดตรงจุดอ่อนตรงนี้ด้วยคำว่าฟรีและดีนั่นเอง

สรุปง่ายๆคือ ไม่ว่าใครก็ชอบของฟรี และ Android ก็เป็น OS ฟรี แถมมี Google หนุนหลัง ทำให้นักพัฒนา และผู้ผลิตอุปกรณ์เลือกใช้อย่างไม่น่าแปลกใจครับ

Credit::http://www.groovygang.net